ปลาใหญ่กับปลาเล็ก

          ในทะลเกว้างใหญ่ไพศาลนั้น ได้มีปลาตัวใหญ่ที่มีนิสัยตะกละตะกลาม โลภมาก และเห็นแก่ตัวที่สุดอยู่ฝูงหนึ่ง พวกมันจะจับกลุ่มรวมกันอย่างเหนียวแน่น คล้ายๆ กับพวกนักเลงประจำท้องทะเลแห่งนั้นก็ไม่ปาน ว่ายออกหาอาหารไปเรื่อยๆ พอเจอฝูงปลาที่ตัวเล็กกว่าก็จะตรงเข้าไปแกล้งและพูดจาเบ่งบารมีอยู่เสมอ

          “เจ้าปลาจิ๋ว เจ้าเคยได้ยินคำพังเพยที่ว่า ปลาใหญ่กินปลาเล็กไหมล่ะ! ถ้าไม่อยากตายเร็วก็ถอยออกไปให้ไกลๆ พวกหอน, กุ้ง, ปู และอาหารที่มีอยู่ทั่วทั้งบริเวณนี้เป็นของพวกข้า พวกเจ้าไม่มีสิทธิ์!”

          เจ้าปลาจิ๋วรีบตอบ “จ่ะ ผู้ที่แข็งแรงกว่าย่อมอยู่ได้ ผู้ที่อ่อนแอย่อมต้องถูกกำจัด พวกเราเข้าใจดีจ่ะ” ว่าแล้วพวกเจ้าปลาจิ๋วทุกฝูงก็รีบว่ายหนีหลบไป ไม่มีใครกล่าต่อกรกับพวกปลาใหญ่เลย

          ปลาใหญ่นั้นนับวันก็ยิ่งเหิมเกริมบ้าอำนาจมากขึ้นทุกวัน และเมื่ออาหารนั้นหากินได้อย่างง่ายดายเพราะไม่มีใครกล้ามาแย่ง พวกมันเลยยิ่งตัวใหญ่ขึ้นและอ้วนขึ้น จนกลายเป็นปลายักษ์เข้าไปทุกทีๆ ตรงกันข้ามกับพวกปลาเล็กที่โดนแย่งพวกอาหารเสียหมด ไม่ค่อยได้กินอะไร จึงอยู่กันด้วยความหิวโซมาตลอด นับวันก็ยิ่งตัวเล็กลงๆ และผอมแห้งทุกตัวไป

          และแล้วก็อยู่วันหนึ่ง ได้มีชางประมงที่เห็นว่าแถวนี้มีปลาว่ายมารวมกันอยู่อย่างมากมาย จึงลงอวนเพื่อดักจับพวกปลาเหล่านั้น ฝูงปลาต่างๆ และเจ้าปลาใหญ่ฝูงนั้นก็เช่นกัน ด้วยไม่ทันระวังจึงติดอวนของชาวประมง พวกปลาต่างๆ ตกใจและพยายามว่ายหนีกันเป็นการใหญ่

          แต่ด้วยตัวพวกเจ้าปลาใหญ่ตัวร้ายนั้นมันใหญ่มากอย่างกับยักษ์อย่างที่รู้ จึงไม่สามารถที่จะหนีไปทางไหนได้เลย จึงจำต้องติดไปกับอวนของชาวประมงไปอย่างน่าสงสาร ส่วนพวกปลาจิ๋วที่ผอมแห้งจึงสามารถหลุดรอดออกมาได้อย่างง่ายดาย

          เจ้าปลาจิ๋วเมื่อหลุดรอดออกมาได้ ก็ว่ายไปหาปลาใหญ่ที่ติดอวนอยู่และกำลังถูกยกขึ้นไปสู่ด้านบนอยู่นั้น แล้วพูดว่า

          “ปลาใหญ่เอ๋ย พวกท่านคืออาหารของคน แต่เราไม่ใช่ เราดีใจที่เราอ่อนแอกว่าท่าน”

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

          “เล็กก็เล็กพริกขึ้หนู ในบางกรณีการยินยอมเป็นผู้ที่ด้อยกว่านั้น อาจพ้นภัยได้อยู่เหมือนกัน”

ที่มา : นิทานอีสป จาก Msolution

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *