นกอนทรีกับสุนัขจิ้งจอกได้อาศัยอยู่ที่ใกล้ๆ บริเวณป่าเดียวกัน มันเคยให้สัญญาว่าจะป็นมิตรที่ดีต่อกัน นกอินทรีจะทำรับอาศัยอยู่บนยอดต้นไม้ ส่วนสุนัขจิ้งจอกนั้นก็ทำรังอาศัยอยู่ที่โคนต้นไม้ซึ่งเป็นโพรงเล็กๆ ต้นหนึ่ง
วันหนึ่งนกอินทรีออกบินหาเหยื่อเพื่อจะนำกลับไปให้ลูกๆ ของมันไปทั่วๆ ป่า แต่วันนี้หาเท่าไหร่ๆ ก็ไม่ได้เหยื่ออะไรเลยสักอย่าง และพอดีตอนนั้นมันได้มองลงไปเห็นรังของสุนัขจิ้งจอกซึ่งสร้างเป็นโพรงไว้อยู่ที่ใต้โคนต้นไม้เข้า ลูกๆ ของสุนัขจิ้งจอกกำลังออกมาชะเง้อคอคอยแม่สุนัขจิ้งจอกที่ออกไปหาเหยื่อมาให้กับลูกๆ ของมันกินอยู่พอดีเหมือนกัน แม่นกอินทรีเมื่อมองลงไปและเห็นว่าเจ้าสุนัขจิ้งจอกไม่อยู่ก็ดีใจ
“แม่ของพวกมันไม่อยู่ มีแต่ลูกๆ ตั้งสามตัวแหนะ เอาไปสักตัวคงจะไม่เป็นไรหรอกนะ” มันคิดอย่างเจ้าเลห์และเห็นแก่ตัวว่าที่อยู่ของมันอยู่สูง สุนัขจิ้งจอกคงไม่มีปัญญาปีนป่ายขึ้นไปเอาลูกของมันคืนไปได้ รวมทั้งไม่มีทางที่จะทำอะไรมันได้อย่างแน่นอนเสียด้วย
แล้วในขณะที่นกอินทรีกำลังบินถลาลงไปเพื่อจะเฉี่ยวเอาลูกสุนัขจิ้งจอกนั้น ก็พอดีกับเป็นเวลาที่เจ้าสุนัขจิ้งจอกได้คาลหนูตัวหนึ่งกลับมาที่โพลงของมันพอดี ลูกๆ ของสุนัขจิ้งจอกเมื่อเห็นแม่ของมันก็ร้องกันขึ้นด้วยความดีใจ
“เย้ๆ แม่กลับมาแล้ว” แต่ในฉับพลัน! ทันทีก็มีเสียงตีปีกดังขึ้น พรึบ พรึบ! เป็นจังหวะที่นกอินทรีบินโผถลาร่อนลงมาตะครุบเฉี่ยวเอาลูกของสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งได้ แล้วมันก็บินขึ้นสู่ท้องฟ้าไปในทันที
“อ๊ะ! ลูกแม่” เจ้าสุนัขจิ้งจอกเมื่อเห็นดังนั้นตกใจมาก จนหนูที่มันคาบอยู่ในปากนั้นล่วงตกลงมาจากปากเลยทีเดียว มันจับจ้องสายตาไปที่นกอินทรีอย่างไม่ยอมให้คลาดสายตาและวิ่งตามไปติดๆ อย่างไม่ลดละ จนถึงต้นไม้ที่เป็นรังของนกอินทรี
“ได้โปรดคืนลูกให้กับฉันเถิด เธอมีลูกเหมือนกันไม่ใช่หรือ? นึกว่าเห็นแก่หัวหกแม่ด้วยกันเถิด” สุนัขจิ้งจอกเฝ้าคร่ำครวญร้องขอลูกคืนต่อนกอินทรีอย่างน่าเวทนา แต่นกอินทรีนั้นกลับตอบกลับมาอย่างจองหองที่สุดว่า
“ลูกๆ ของฉันกำลังหิวกันจะแย่อยู่แล้ว แต่ถ้าเธออยากได้ลูกของเธอคืนล่ะก็ ปีนขึ้นมาเอาเองสิ ถ้าปีนขึ้นมาได้ฉันจะคืนให้” นกอินทรีพูดอย่างวางก้ามและท้าทาย
ว่าแล้วสุนัขจิ้งจอกก็รีบตะเกียกตะกายปีนขึ้นไปบนต้นไม้เพื่อเอาลูกของมันคืนทันที แต่ไม่ว่ามันจะพยายามเท่าไหร่ก็ไม่สามารถที่จะปีนขึ้นไปได้
“นี่ฉันจะทำยังไงดีล่ะ ลูกของฉันต้องโดนกินเป็นอาหารเสียแล้วหรือนี่” มันได้แต่ร้องไห้คร่ำครวญปานน้ำตาจะเป็นสายเลือด และเมื่อมันหมดหนทางที่จะปีนขึ้นไปบนต้นไม้ได้ มันจึงมองหาหนทางอื่นที่จะเอาลูกของมันคืนมาให้ได้ มันมองไปรอบๆ บริเวณ แล้วพลันมันก็ได้มองไปเห็นคบไฟที่มีคนจุดเอาไว้เข้า
“อ๊ะ! นั้นไฟนี่ เมื่อร้องขอกันดีๆ ไม่คืนให้ ทีนี้ฉันก็ต้องใช้วิธีสุดท้ายแล้วล่ะ” เมื่อมันคิดได้ดังนั้นแล้วก็วิ่งไปคาบเอาคบไฟที่มันเห็นนั้น แล้วตะโกนบอกกับนกอินทรีด้วยเสียงอันดังว่า
“จงคืนลูกมาให้กับฉันเสียดีๆ ถ้าไม่อย่างนั้นฉันจะเอาไฟนี่เผาต้นไม้ต้นนี้เสีย ทั้งเธอและลูกของเธอก็จะโดนย่างตายกันหมด” สุนัขจิ้งจอกพูดด้วยน้ำเสียงโมโห “เร็วๆ! รีบคืนลูกมาให้ฉันเดี๋ยวนี้ ฉันจะเผาแล้วนะ! ได้ยินไหม?”
นกอินทรีเมื่อได้ฟังดังนั้นก็ตกใจ เพราะสำหรับมันแค่บินหนีเสียก็หมดเรื่อง แต่ลูกๆ ของมันเพิ่งจะแตกออกมาจากไข่เมื่อไม่นานและยังบินไม่ได้ มันจึงรีบตาเหลือกตาลานบอกกับสุนัขจิ้งจอกว่า
“ยอมแล้วๆ ฉันยอมคืนลูกให้กับเธอแล้ว เดี๋ยวอย่าเพิ่งจุดไฟนะ” แล้วมันก็รีบคืนลูกของสุนัขจิ้งจอกไปแต่โดยดี
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“อันธพาลและพวกที่ชอบระรานผู้อื่นนั้น จะต้องมีวันถูกตอบแทนผลชั่วเข้าสักวันนึง”
ที่มา : นิทานอีสป จาก Msolution