.
.
.
.
ลาตัวหนึ่งขณะกำลังกินหญ้าอยู่ที่กลางทุ่งอย่างเพลิดเพลิน แต่มันก็ต้องตกกระใจอย่างที่สุดเมื่อมันมองไปเห็นหมาป่าดุร้ายตัวหนึ่งเข้า และเจ้าหมาป่าตัวนั้นก็กำลังวิ่งตรงเข้ามาหาหมายจะจับมันกินเป็นอาหารและด้วยเจ้าลาตัวนี้มันเป็นลาที่สมองดีนั่นเอง มันจึงแสร้งทำเป็นว่าเท้าเจ็บแล้วแกล้งก้าวเขยกขาหลังของมันค่อยๆ เดินไปข้างหน้าอย่างสมจริงสมจังมากเสียด้วย
หมาป่าที่วิ่งมาถึงหมายจะกระโดดตะครุบแต่เมื่อมันเห็นอาการเดินเขยกขาของลาเข้าเช่นนั้น ก็จึงเกิดความสงสัยขึ้นมาติดหมัดเลยทีเดียว มันจึงหยุดแล้วตะโกนถามออกไปว่า
“นั่นเจ้าเป็นอะไรน่ะ ? ทำไมถึงเดินขาเขยกอย่างนั้นเล่า” ลาหัวหมอแข็งใจตอบไปว่า
“เมื่อสักครู่นี้ข้ากระโดดข้ามพุ่มไม้แล้วไปเหยียบเอาหนามแหลมเข้า นี่หนามมันยังติดฝังฝ่าเท้าของข้าอยู่เลย เออแน่ะ! เมื่อเจ้าจะกินข้าก็กินเถอะข้ายอม แต่สงสัยว่าเจ้าคงต้องเอาหนามที่ฝ่าเท้าหลังของข้านี้ออกเสียก่อนจะดีกว่านะ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวหนามมันจะเลยเข้าไปตำคอหอยเจ้าตอนกินข้าได้ก็ไม่รู้นะ”
.
.
เมื่อได้ยินลาว่าดังนั้น เจ้าหมาป่าที่ดุร้ายแต่สมองทึบก็เกิดเห็นด้วยขึ้นมา มันจึงยกเท้าหลังข้างที่เขยกของลาขึ้นดู หมายจะดึงหนามออกเสียก่อนแล้วค่อยกิน แต่ขณะที่มันกำลังมองสำรวจหาหนามอยู่นั้นเอง ลาก็เลยได้จังหวะและใช้เท้าหลังข้างนั้นดีดลูกหลังโดนปากหมาป่าอย่างเต็มแรง ผลก็เลยทำให้ฟันในปากของเจ้าหมาป่าหักไปหลายซี่เลือดแดงกลบปากเลยทีเดียว เจ้าหมาป่าจำต้องทรุดลงนั่งร้องโอดครวญไปมา และตอนนั้น ลาหัวหมอก็เลยถือโอกาสออกวิ่งหนีไปจากที่นั้นทันที
“สมน้ำหน้าข้าแล้ว !” หมาป่าพูด “ข้ามันไม่ดีเอง มีหน้าที่อย่างเดียวคือไล่ฆ่าสัตว์กินเป็นอาหาร แต่คราวนี้ดันมาทำตัวเป็นหมอรักษาโรค ถุย ! สมน้ำหน้าตัวข้าเสียจริงๆ”
.
.
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
.
“ผู้ที่ชอบสอดรู้ในเรื่องที่ตนไม่น่าที่จะรู้ในบางครั้ง ก็มักจะต้องเจ็บตัวและเสียผลประโยชน์ง่ายๆ อย่างตัวอย่างที่ว่ามานี่แหละ”
.
.
.
.
.
.
ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: http://www.thaigoodview.com