5 ประโยชน์จากครีมทามือ ที่เป็นมากกว่าที่คุณคิด!

          ครีมทามือที่สาวๆ มักพกติดตัวอยู่เป็นประจำนี้ยังใช้ประโยชน์ได้อีกหลายอย่างเลยนะคะ เอ… นึกไม่ออกอะสิว่าจะใช้กับอะไรได้บ้าง ไปดูกันดีกว่าคะ

       1. กำราบผมชี้ฟู จัดการกับเส้นผมชี้ฟูให้เข้าที่เข้าทาง โดยถูครีมทามือลงบนฝ่ามือเล็กน้อย จากนั้นก็ลูบลงเส้นผมเบา ๆ เพื่อให้เส้นผมดูเรียบสลวยอยู่ทรง

       2. เติมสวยให้ลอนผม ถ้าคุณต้องการให้ลอนผมของคุณดูคมชัดขึ้น ก็ใช้ครีมทามือแทนครีมแต่งผมเพื่อเติมความชุ่มชื้น และช่วยให้ลอนผมดูคมชัดขึ้น

       3. ดูแลหนังหุ้มเล็บ แน่นอนว่าคุณใช้ครีมทาทั่วทั้งมืออยู่แล้วแต่ถ้าคุณมีหนังหุ้มเล็บที่ดูแห้งแตก คุณควรเติมลงไปเป็นพิเศษในบริเวณรอบฐานเล็บแต่ละนิ้ว

       4. ต่อสู้กับไฟฟ้าสถิต ไฟฟ้าสถิตจากสภาพอากาศอาจทำให้เสื้อผ้าที่ใส่อยู่เกาะอยู่บริเวณผิวแบบไม่ถูกที่ถูกทาง แก้ปัญหาโดยการทาครีมลงบนฝ่ามือ ลูบลงบนเสื้อผ้าในส่วนที่มีปัญหาหรือหาที่เหมาะ ๆ ทาครีมลงบนเส้นผ้าด้านใน (เสียดสีกับผิวโดยตรงนั่นแหละ)

       5. ใช้แทนครีมโกนขน ถ้าครีมโกนขนตามปกติทำให้ผิวของคุณแห้งผากในยามนี้ ก็หันมาใช้ครีมทามือชนิดเข้มข้นแทนซะ แล้วสภาพผิวจะดูดีขึ้นเยอะ

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: http://women.kapook.com/

ที่มา :: Lisa

Tags: ครีมทามือ

3 วิธีใช้ไมโครเวฟ เพื่อสุขภาพดี

          เราควรอาหารปรุงสุกใหม่ๆ เพื่อสุขภาพดี แต่บางครั้งในเวลาเร่งรีบ เราก็จำเป็นต้องใช้เตาไมโครเวฟอุ่นอาหาร

          ฉะนั้นจึงควรรู้เคล็ดวิธีการใช้บางอย่าง เพื่อให้ปลอดภัยกับสุขภาพมากที่สุด นั่นคือ

1. ปรุงอาหารให้สุกก่อนเข้าไมโครเวฟ เพราะไมโครเวฟไม่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ แค่ทำให้อาหารร้อนและน่ากินเท่านั้น

2. อุ่นอาหารให้นานกว่าข้อแนะนำข้างกล่องอาหาร เพราะความร้อนจากไมโครเวฟจะเข้าไปในเนื้ออาหารแค่ 1 หรือ 1 1/2 นิ้วจากผิวอาหาร ฉะนั้นจึงควรตั้งเวลาอุ่นตามลักษณะอาหาร

3. ภาชนะที่นำเข้าเตาไมโครเวฟนั้น ควรเลี่ยงภาชนะโลหะ ภาชนะที่มีลวดลาย ชามพลาสติก โฟม และอาหารที่เข้าเตาไมโครเวฟไม่ควรมีพลาสติกห่อหุ้ม มิเช่นนั้นสารเคมีในภาชนะต้องห้ามต่างๆ จะปนเปื้อนลงไปในอาหาร

          ด่วนอย่างไรก็อย่าลืมเรื่องสุขภาพนะคะ

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: นิตยาสารชีวจิต

Tags: วิธีใช้ไมโครเวฟ, สุขภาพดี, ไมโครเวฟ

3 วิธีคงความสดใสของสีผม

          เรามีวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยถนอมสีผมให้คงความสวยสดใสได้อย่างยาวนานมาบอกคุณแล้ว

ภาพจาก : www.odunayooke.com

1. ใช้แชมพูที่มีกรดซิตริกก่อนทำสีผม แชมพูชนิดนี้จะช่วยกำจัดสารตกค้างจากผลิตภัณฑ์แต่งผม สิ่งสกปรกจากมลภาวะต่างๆ และสีผมเดิมออกไป จึงช่วยเตรียมเส้นผมให้พร้อมรับสีผมใหม่ได้อย่างเต็มที่

.
2. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของซัลเฟต โครงสร้างเส้นผมของสาวเอเชียโดยทั่วไปมักจะมีโมเลกุลขนาดใหญ่จึงทำให้เม็ดสีโดนน้ำชำระล้างออกไปได้ง่าย คุณสามารถแก้ปัญหานี้ได้โดยใช้แชมพูและคอนดิชันเนอร์ที่ไม่มีส่วนผสมของซัลเฟตเพราะสารชนิดนี้คือตัวทำลายโมเลกุลของเส้นผม

.
3. หยุดทำทรีตเมนต์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสีผมแนะนำให้ใช้คอนดิชันเนอร์ชนิดอ่อนโยน แล้วหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์หมักผมหลังทำสีผม เพราะผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นหรือหมักทิ้งไว้นานๆ จะทำให้โมเลกุลของสีหลุดออกมาจากเส้นผมได้

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: http://www.lisaguru.com

Tags: ถนอมสีผม, สีผม

15 ผักผลไม้ กินเพิ่มคอลลาเจน

          ทุกวันนี้สาวๆ หลายคนลงทุนแสนแพงไปกับผลิตภัณฑ์ที่ตีตราว่ามีคอลลาเจนเป็นส่วนผสม

          วันนี้เราเก็บผักผลไม้ที่มีทั้งคอลลาเจนและช่วยสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติมาฝาก ผักผลไม้คอลลาเจนสูง ได้แก่

       

          เคล็ดลับแถมท้ายมีอยู่ว่า ควรรับประทานอาหารที่มีวิตามินซีสูงควบคู่ไปด้วย ซึ่งผักผลไม้หลายชนิดในจำนวนนี้มิวิตามินซีสูงอยู่แล้ว เรียกได้ว่าสวยสุขภาพดีครบสูตรแบบทูอินวัน

          ลองหาซื้อหามารับประทานเป็นประจำดูนะคะ 

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: นิตยาสารชีวจิต

Tags: คอลลาเจน, ผักผลไม้

12 เรื่องลับของ ‘ยาคูลท์’ ที่คุณ(อาจ)ไม่เคยรู้!

1.ชื่อเป็นยา!!!

     ยาคูลท์เป็นนมเปรี้ยวสัญชาติญี่ปุ่น 1000% แปลกตรงที่ชื่อไม่ใช่ภาษาญี่ปุ่นทั้งที่ประเทศนี้ชาตินิยมจัดมาก ”YAKULT” เป็นภาษา ”Esperanto” (ภาษาประดิษฐ์ของหมอรัสเซีย) มาจากคำว่า “Jahurto”  มีความหมายเท่ากับ “yoghurt”
ซึ่งแปลตรงตัวว่า “การมีอายุยืนยาว”!!!

2.ยาคูลท์เคยบรรจุในขวดแก้ว 

ตั้งแต่ปี 1935 “ยาคูลท์” เคยใช้ขวดแก้วใสกิ๊งมาตลอด สรีระของขวดมีแรงบันดาลใจจาก “Kokeishi” ตุ๊กตาโบราณ จนกระทั่งปี 1968 ปรับเปลี่ยนมาใช้ขวดพลาสติกแบบที่เราเห็นๆ ในปัจจุปัน เพราะต้นทุนถูกกว่าและน้ำหนักเบากว่าขวดแก้ว รวมกันหลายขวดก็หลายกิโล ทำให้สาวยาคูลท์ในยุคใหม่ไม่ต้องแบกขวดแก้วหนักเกินเหมือนในอดีต!

3.ถามสาวยาคูลท์ดูสิคะ ;)

เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่ที่ซื้อยาคูลท์ในอดีตเป็นแม่บ้าน การมีคนส่งยาคูลท์เป็นผู้หญิงและแนะนำเรื่องสุขภาพให้ผู้หญิงด้วยกันฟัง จะทำให้รู้สึกสนิทใจกันมากกว่า ประหนึ่งรายการผู้หญิงถึงผู้หญิงนั่งเม้าส์ม้อยส์ เพราะฉะนั้น “สาวยาคูลท์” จึงถือกำเนิดขึ้นมาด้วยเหตุนี้ตั้งแต่ ค.ศ. 1963!!


4.ตั้งแถว – ตบมือ – สู้โว้ย!!

     บริษัทยาคูลท์ประเทศญี่ปุ่นมีธรรมเนียมแสนเก๋จนต้องยกนิ้วให้ เพราะพนักงานในบริษัทยาคูลท์ และพี่ๆ ร.ป.ภ.จะตั้งแถวตบมือทุกครั้งเมื่อสาวยาคูลท์ญี่ปุ่นออกไปปฏิบัติหน้าที่เพื่อเรียกขวัญกำลังใจ สู้โว้ย!!!

5. ‘อหิวาตกโรค’ จุดพลิกยาคูลท์ไทย 

     จุดที่พลิกผันจริงๆ  คือ.. เมื่อปี 2515 เกิดอหิวาตกโรคระบาดแถวปากน้ำ จ.สมุทรปราการ บริษัทยาคูลท์ไทยนำยาคูลท์เพื่อเยียวยาอาการผู้ป่วย ซึ่งตอนนั้นมีที่อาการหนักอยู่ 3 คน ซึ่งถ้าผู้ป่วยจะใช้ยาคูลท์แทนยาจะต้องหยุดดื่มยาทั้งหมด และต้องดื่มยาคูลท์ต่างน้ำ ปรากฏว่าสามชั่วโมงผ่านไป… คนไข้ที่ดื่มยาคูลท์หยุดถ่าย และกลายเป็นกระแส Talk Of The town ณ บัดนั้น

6.ยาคูลท์ไทยมีไซส์เดียว??

     ยาคูลท์รอบโลกมีไซส์ที่แตกต่างกัน เช่น ขวดไซส์ 100 มล. เห็นดาดดื่นที่ สิงค์โปร์ ไต้หวัน และจีน แต่ที่นี่ประเทศไทย มีไซส์เดียวตลอดกาลนั่นคือ 80 มล.
และขนาดนี้ก็มีขายเฉพาะเกาหลี มาเลเซีย และอเมริกาเท่านั้น เพราะไซส์นี้มีจุลินทรีย์แลคโตบัลซิลัสมากกว่า 8,000 ล้านตัว เชื่อว่าเพียงพอสำหรับการสร้างสมดุลภายในลำไส้เหมาะกับคนไทย และที่สำคัญ ถ้ากระซวกมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการท้องเสียขี้แตกขี้แตนไม่รู้ตัว!!

7. ‘คอคอด’ บอกอะไร!?

     แค่เห็นเงาก็รู้แล้วว่าเป็นยาคูลท์!! เพราะขวดนมเปรี้ยวยี่ห้อนี้ดีไซน์ขวดเป็นเอกลักษณ์สุดๆ โดยเฉพาะ “คอคอด” ซึ่งเชื่อว่าให้ถือสะดวกและลิ้มรสช้าๆ จะได้ไม่ดื่มทีเดียวหมด!!

8.ยาคูลท์สูตรจุลินทรีย์ทะลัก!

     ”Yakult 400LT” คือสูตรเด็ดสำหรับคนรักจะถ่าย(อึ)ให้คล่อง เพราะยาคูลท์ขวดนี้ลดความหวาน ลดแคลอรี่หลายเท่าตัว แต่เพิ่มแลคโตบัลซิลัสตระกูล ”Shirota” เกือบ 400,000 ล้านตัวต่อขวด!! จากไซส์ปกติมีเพียง 6.5 พันล้านหรือให้เต็มที่ก็แค่ 3 แสนล้านตัวเท่านั้น!!

9.อุณหภูมิที่ยาคูลท์ลั้ลลา ~~

     เลือกซื้อยาคูลท์จากตู้แช่ที่เก็บไว้ในอุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส เพราะดีกรีความหนาวเยี่ยงนี้จะทำให้ได้จุลินทรีย์ลั้ลลาและพร้อมจะทำงานให้เราได้เต็มที่ค่ะ

10.ว้าว ~ เครื่องสำอางยาคูลท์!

     กาลครั้งหนึ่ง ณ 1971 ยาคูลท์นึกเปรี้ยวอยากให้ผู้หญิงญี่ปุ่นงามหมดจรดปลายเท้า สกัดแบคทีเรียพันธุ์ดีอย่างแลคโตบัลซิลัสเป็นเครื่องสำอางครบทุก LINE มีสาวยาคูลท์เคาะประตูขายตรงถึงหน้าบ้านจนกระทั่งขายในซาลอนอย่างเอิกเกริก หลังจากนั้นอีก 10 ปี เครื่องสำอางสายพันธุ์ยาคูลท์ต้องโบกมือลาหนังหน้าสาวๆ เพราะผู้บริหารอยากจะ FOCUS เฉพาะนมเปรี้ยว ไม่อยากให้เลอะเทอะไปกว่านี้!!

11.ขวดนี้สตรีขอจอง!

     แม้ยาคูลท์ไทยแลนด์ (หรือเกือบทั่วโลก) จะมีรสชาติสุดคลาสสิคชูโรง ซึ่งบางครั้งสาวกยาคูทล์แอบเซ็งเพราะอยากลองจิบ&ลิ้มรสชาติใหม่ๆ บ้าง แต่สำหรับประเทศต้นตำรับอย่างญี่ปุ่นก็ขยันออกสูตรใหม่ให้เปิดซิงตลอด อย่างเช่น “Yakult SHEs” เจาะกลุ่มสตรีรักสวยรักงามเป็นการเฉพาะ เพราะนมเปรี้ยวสูตรนี้อัดแน่นด้วยแคลเซียม ,เหล็ก และที่สำคัญคือคอลาเจน!!

12.ยาคูลท์กำจัดกลิ่นหอยเปรี้ยว??

     ความเชื่อที่ว่า ดื่มยาคูลท์แล้วช่วยกำจัดกลิ่นจากจุดซ่อนเร้น เนื่องจากเชื่อกันว่าเชื้อจุลินทรีย์ที่ชื่อว่า “แลคโตบาซิลัส” ในยาคูลท์เข้าไปทำลายเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นตัวการในการสร้างกลิ่นเหม็นให้กับหุบเขาเร้นรักของคุณสาวๆ ทั้งหลาย ได้ขอบอกตรงนี้ดังๆ ชัดๆ ว่า.. “มันไม่เป็นความจริงคะ”!!!

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: http://www.dek-d.com/board/view.php?id=2362892

10 เรื่องจริงที่คุณอาจยังไม่รู้เกี่ยวกับ “Iron Man”

          ด้วยกระแสความแรงสมกับเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ฟอร์มยักษ์ ทำให้ “Iron Man 3″ เพียงแค่เปิดตัววันแรกก็กอบโกยรายได้มากถึง 47 ล้านบาท ขึ้นอันดับหนึ่งทั่วเอเชียทุบสถิติ “The Avengers” มาแล้ว รวมทั้งยังมีคนต่อคิวรอดูกันอีกมากมาย จนแทบจะทำให้คนที่พลาดหนังเรื่องนี้คุยกับเพื่อนไม่รู้เรื่องกันเลยทีเดียว

          ซึ่งกว่าจะเป็นหนังยอดฮิตแบบนี้ได้ “Iron Man” ยังมีความจริงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยอีกมากมายที่แฟนตัวจริงควรรู้ และวันนี้ก็ได้รวบรวม 10 ความจริงของ “Iron Man” จากเว็บไซต์ ELITE TODAY มาฝากกัน ดังนั้นใครที่มั่นใจว่าเป็นแฟนตัวจริงของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ลองมาอ่านกันเลย

1. ใช้เวลา 20 ปี กว่าจะเป็น “Iron Man”

 

          ก่อน Iron Man จะได้ปรากฏบนจอภาพยนตร์อย่างทุกวันนี้ หนังที่สร้างจากการ์ตูนซึ่งมีตัวเอกเป็นอภิมหาเศรษฐีอัจฉริยะ “โทนี่ สตาร์ค” เคยมีโครงการจะสร้างเป็นหนังมาตั้งแต่ปี 1990 แล้ว โดยผ่านมือสตูดิโอมาถึง 4 ที่ และล้มเลิกไป จนทาง “Marvel” ตัดสินใจสร้างหนังขึ้นมาเองซะเลย ซึ่งนับเป็นการตัดสินใจที่เวิร์คที่สุดจนทำรายได้มหาศาล ในขณะที่สตูดิโอที่เคยล้มเลิกคงนึกเสียดายอยู่แน่ๆ

 

 

2. แฟนพันธุ์แท้สร้างหุ่น Iron Man มาแล้ว

.

 

           ถ้าคุณคิดว่าตัวเองแน่ในฐานะแฟน Iron Man แล้ว คงต้องมาเจอกับ “แอนโธนี ลี” ครูฝึกสอนที่ฟิตเนสคนนี้ซะหน่อย เพราะเขาลงทุนสร้างชุดเกราะ Iron Man ขึ้นมาเองเลยทีเดียว และแม้มันจะไม่ได้มีพลังความสามารถเทียบเท่าของจริง (ก็แน่ล่ะ) แต่มันก็มีลูกเล่นเช่นเกราะบริเวณไหล่ รวมทั้งช่วงหลังที่เปิดปิดได้อยู่เหมือนกัน แบบนี้ถ้าแต่งไปประกวดคอสเพลย์แล้วไม่ชนะก็แปลกแล้วล่ะ

 

 

3. บ้านของโทนี่มูลค่าสูงถึง 117 ล้านเหรียญสหรัฐ

 

.

          ตามข้อมูลที่เขียนขึ้นมาจากทาง “Marvel” นั้น บ้านที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของหนุ่ม “โทนี่ สตาร์ค” นั้นอยู่ในเมืองมาลิบู รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งจากที่เห็นในหนังแล้ว ความหรูหราอลังการก็คงทำให้หลายๆ คน นึกสงสัยในราคาของมันขึ้นมาบ้าง โดยจากการประเมินของ “โมโวโต” เจ้าหน้าที่อสังหาริมทรัพย์ในชีวิตจริง ตีราคาให้บ้านที่ไม่มีจริงนี้มีราคาอยู่ที่ 4,690 เหรียญสหรัฐ (ราว 139,000 บาท) รวมมูลค่า 117 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 3.4 พันล้านบาท) แพงลิบลิ่วสมกับเป็นบ้านของมหาเศรษฐีเสียจริงๆ

 

 

4. “โทนี่ สตาร์ค” มีต้นแบบมาจาก ”โฮเวิร์ด ฮิวจ์” 

 

.

          เคยสงสัยไหมว่าพระเอกมาดกวนใน Iron Man นั้นได้แรงบันดาลใจมาจากไหน ถึงได้ดูทั้งเท่และกวนประสาทผิดจากฮีโร่คนอื่นๆ ซะขนาดนี้ คำตอบก็คือ เขามีต้นแบบมาจาก “โฮเวิร์ด ฮิวจ์” (Howard Hughes) นั่นเอง โดย “แสตน ลี” (Stan Lee) ผู้สร้าง Iron Man กล่าวว่า เขาเป็นคนที่มีสีสันที่สุดแห่งยุคเลยก็ว่าได้ โดยเป็นทั้งนักประดิษฐ์, นักผจญภัย, มหาเศรษฐีพันล้าน, และนักรักด้วยในเวลาเดียวกัน

 

 

5. “โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์” เป็นหนึ่งในฮีโร่ที่แก่ที่สุด

 

.

          ลองนึกดูสิ หนังฮีโร่ส่วนใหญ่ก็มักจะมีพระเอกหนุ่มหล่อวัยรุ่นดึงดูดสาวๆ อยู่แล้ว อย่าง “คริส อีแวนส์” (Chris Evans), “แอนดรูว์ การ์ฟิลด์” (Andrew Garfield) และ “คริส เฮมสเวิร์ธ” (Chris Hemsworth) เป็นต้น ส่วน Iron Man คงไม่อาจพูดว่าเหมือนกับเรื่องอื่นๆ ได้ เพราะ “โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์” (Robert Downey Jr) เพิ่งฉลองอายุครบ 48 ปี ไปหมาดๆ นี่เอง แต่ยังไงซะ อายุก็ไม่ได้ทำให้หนุ่มคนนี้ดูหล่อเท่น้อยลงเลยสักนิดล่ะนะ

 

 

6. ชุด Iron Man อาจเกิดขึ้นจริงในอนาคต

 

.

         บริษัทที่มีชื่อว่า “Lockheed Martin” เป็นหนึ่งในไม่กี่บริษัทที่กำลังทำโครงการสร้างชุดเลียนแบบของ Iron Man ขึ้นมาจริงๆ ซึ่งชุดที่ใช้มีชื่อว่า “Human Universal Load Carrier” (HULC) มีแผนจะใช้ช่วยทหารขนอุปกรณ์น้ำหนักรวมอย่างน้อย 200 ปอนด์ ด้วยความเร็ว 10 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งหากสำเร็จเป็นไปตามแผนเมื่อไหร่ การขนอาหารและยา รวมถึงอาวุธระหว่างเดินทางคงสะดวกคงง่ายขึ้นอีกเยอะ

 

 

7. ปีนี้ Iron Man อายุ 50 แล้ว

 

 .
         นับแต่ปรากฏตัวในเรื่อง “Tales of Suspense” ตอนที่ 39 ช่วงสงครามเย็น ฮีโร่สุดเท่คนนี้ก็ถูกจับตาในฐานะผู้ต่อต้านคอมมิวนิสต์มาตลอด และต่อสู้กับเหล่าร้ายมามากมายรวมไปถึง “Dr. Doom” และ “Skrulls” อีกทั้งยังได้เป็นหนึ่งในทีมซูเปอร์ฮีโร่มากความสามารถ “The Avengers” ด้วย นับว่าเป็นผลงานที่ไม่เลว สำหรับฮีโร่ใกล้วัยเกษียนที่ตัวเลข 50 เลยทีเดียว

 

 

8. กว่าจะเป็น Iron Man ได้ ร้อยล้านเหรียญก็ยังไม่พอ

 

.

          รู้ๆ กันอยู่ว่าฮีโร่ที่รวยที่สุดต้องมีชื่อ Iron Man ติดโผอยู่แน่นอน ซึ่ง “Marvel” ได้เผยข้อมูลออกมาแล้วว่าทรัพย์สินของฮีโร่คนนี้มีมูลค่าเท่าไหร่บ้าง และมันก็เป็นตัวเลขที่สูงจนน่าตกใจเลยทีเดียวโดยชุดของเขามีราคาอยู่ที่ 123 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 3.6 พันล้านบาท), ทรัพย์สินอื่นๆ เช่นคอมพิวเตอร์และหุ่นยนต์รบอีก 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 4.3 หมื่นล้านบาท), รวมกับรถทั้งหมด 3.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 100 ล้านบาท) เป็นเงินทั้งสิ้น 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 4.7 หมื่นล้านบาท)

 

 

9. ที่มาของชื่อ “Jarvis” 

 

.

          ไม่ว่าใครที่เคยดู Iron Man มาแล้ว ต้องคุ้นกับระบบซูเปอร์คอมพิวเตอร์ชื่อว่า “Jarvis” นี้แน่นอน ซึ่งมันเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของฮีโร่หนุ่มคนนี้เลยก็ว่าได้ แต่ที่จริงแล้วชื่อของมันกลับไม่ได้หรูหราอลังการแถมยังกวนนิดๆ สมกับเป็นอุปกรณ์ของโทนี่เสียจริงๆ โดยมันย่อมาจากคำว่า “Just a Rather Very Intelligent System” หรือ ”แค่ระบบการทำงานยอดอัจฉริยะเท่านั้นเอง”

 

 

10. “โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์” เกือบไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ Iron Man เสียแล้ว

.

          แม้มันจะเป็นเรื่องยากที่จะนึกภาพคนอื่นมาสวมบทบาทนี้นอกจาก “โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์” แต่ก่อนหน้านี้ก็เคยมีดาราชื่อดังถูกทาบทามให้เล่นบทนี้มาก่อนแล้วถึง 2 คน ซึ่งก็คือ “ทอม ครูซ” (Tom Cruise) และ “นิโคลัส เคจ” (Nicolas Cage) แต่หนุ่ม “ทอม ครูซ” ไม่คิดว่าบทนี้จะเหมาะกับตัวเองเท่าไหร่จึงปฏิเสธไป ในขณะที่ “นิโคลัส เคจ” ติดงานอื่น ทำให้มันตกเป็นของ “โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์” อย่างทุกวันนี้นั่นเอง

.

          และเพราะ 10 เรื่องจริงเกี่ยวกับ Iron Man เหล่านี้นั่นเอง ที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมาเป็นแบบฉบับที่ประสบความสำเร็จมากมายอย่างทุกวันนี้ จนกลายเป็นหนึ่งในภาพยนตร์โปรดของหลายๆ คนเลยทีเดียว ซึ่งถ้าตอนนี้ใครยังไม่ได้ไปดู Iron Man 3 ก็อย่าลืมหาโอกาสไปชมกันให้ได้นะคะ

 

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: http://movie.kapook.com/

ภาพประกอบจาก :: http://elitedaily.com/entertainment/film/the-10-things-you-didnt-know-about-iron-man/

10 อันดับ สัตว์ที่มีอายุสั้นที่สุดในโลก!

เริ่มจาก …

อับดับที่ 10 กระต่าย

    

     อายุขัยเฉลี่ย 5 ปี กระต่ายเป็นสัตว์ที่น่ารักของทุกคนตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้ใหญ่ และใครล่ะจะไม่ชอบเจ้าสัตว์น่ารักจนฟูน่ากอดอย่างตัวนี้ แต่นับเป็นความโชคร้ายของกระต่ายที่มันไม่สามารถมีความสุขกับเราได้นาน เพราะอายุขัยของมันนั้นยาวประมาณ 5 ปีเท่านั้น ซึ่งเป็นเวลาที่สั้นมาก แต่เพื่อทดแทนอายุที่สั้นของมัน กระต่ายได้พัฒนาความเร็วในการออกลูกออกหลานที่รวดเร็วจนเรามีคำเปรียบเปรยว่า “ออกลูกเร็วเหมือนกระต่าย” เลยทีเดียว ซึ่งความเร็วในการออกลูกของกระต่ายนั้นก็เป็นปัญหาในบางประเทศ เช่น ออสเตรเลีย ที่พวกมันถูกนำเข้ามาในประเทศและได้กลายเป็นสัตว์รบกวนตัวฉกาจ เพราะพวกมันไม่มีผู้ล่าตามธรรมชาติแถวนั้น ทางการออสเตรเลียก็ได้พยายามที่จะจำกัดจำนวนของกระต่ายด้วยการนำแมวเข้ามา และช่างโชคร้ายของแดนจิงโจ้เหลือเกินที่ต่อมาแมวก็ได้กลายเป็นสัตว์รบกวนล้นจำนวนอีกชนิด

อันดับที่ 9 แฮมสเตอร์และหนูตะเภา

     อายุขัยเฉลี่ย 4 ปี เจ้าแฮมสเตอร์สัตว์ยอดนิยมของโรงเรียน และญาติยักษ์ใหญ่ของมัน หนูตะเภาได้เข้ามาในอันดับที่เก้าด้วยอายุขัยประมาณ 2-4 ปี เจ้าหนูแฮมเตอร์โดยเฉพาะ ”แฮมเตอร์ซีเรียน” เป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยมที่สามารถออกลูกได้เร็วซึ่งพวกมันผสมพันธุ์หลายครั้งต่อปีและให้กำเนิดลูกหลายครอก นอกจากแฮมเตอร์จะน่ารักน่ากอดแล้ว พวกมันยังสามารถเก็บอาหารไว้ในแก้มทั้งสองข้างและถีบจักรได้อีกด้วย สำหรับคนที่โชคร้ายโดนมันกัดก็คงรู้ว่าเจ้าแฮมเตอร์นี้กัดเจ็บแค่ไหน ส่วนหนูตะเภาที่เหมือนรุ่นพี่ของแฮมเตอร์นั้นอาจจะไม่ชอบถีบจักรเหมือนรุ่นน้อง แต่มันก็มีชื่อเสียงในการทำเสียงแปลกๆ เมื่อตกใจหรือตื่นเต้น

อันดับที่ 8 หนูบ้าน

    

     อายุขัยเฉลี่ย 1 – 3 ปี สัตว์ตัวกระจิ๋วที่แทบจะไม่มีใครต้องการ เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้มนุษย์เริ่มเลี้ยงแมวและเริ่มประดิษฐ์กับดักหนูขึ้น หนำซ้ำ เมื่อเจ้าหนูพวกนี้มาอาศัยอยู่ในบ้านแล้วก็ยากที่จะไล่ไปอีกด้วย ซึ่งนานวันเข้าพวกมันจะออกลูกออกหลานมาบานตะไท นอกจากนี้ หนูตัวกระเปี๊ยกยังเป็นที่หวาดกลัวของคนหลายคน เพราะมันสามารถกระโดด, ไต่ , วิ่ง และว่ายน้ำได้อีกด้วย ถึงหนูจะดูสุดยอด แต่พวกมันไม่สามารถมองเห็นสีได้ เพื่อทดแทนสิ่งนั้น หนูได้พัฒนาการให้มีการฟังที่ดีเยี่ยม ซึ่งมันสามารถฟังเสียงอัลตราซาว์ดได้ หนูตัวเมียนั้นสามารถผสมพันธุ์ได้ทุกๆ 15-20 วัน และเกิดอารมณ์ได้ทุกครั้งเมื่่อได้กลิ่นปัสสาวะของตัวผู้ แต่ละครั้งหนูออกลูกประมาณ 5-10 ตัว ซึ่งนี้อาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกมันถึงชอบโผล่ออกมาเซย์ฮัลโหลกันหน้าสลอน เพราะความที่ไม่เป็นที่ต้องการของมนุษย์อย่างเราๆ และเป็นอาหารสุดโปรดของนักล่าเกือบทุกสายพันธุ์นี้ทำให้อายุขัยของหนูอยู่ที่ประมาณ 1-3 ปี เท่านั้น

อันดับที่ 7 ปลาหางนกยุง

    

     อายุขัยเฉลี่ย 2 ปี เป็นที่รู้จักกันในชื่อ ”แกมบูเซีย” ปลาหางนกยูงมีถิ่นกำเนิดในอ่าวเม็กซิโก พวกมันมีอายุขัยสั้นประมาณ 2 ปีเท่านั้น ปลาหางนกยูงนั้นเป็นปลาที่อึดพอตัว นอกจากนี้ พวกมันยังสามารถอาศัยอยู่ในน้ำเค็มและน้ำที่ร้อนถึง 42 องศาเซลเซียส ในช่วงสั้นๆ ได้อีกด้วย ปลาหางนกยูงนั้นไม่ออกไข่เหมือนปลา แต่จะออกลูกเป็นตัวเหมือนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ตัวเมียนั้นมีขนาดใหญ่กว่าตัวผู้ซึ่งอาจจะยาวถึง 7 เซนติเมตร ในขณะที่ตัวผู้นั้นยาว 4 เซ็นติเมตร ปลาหางนกยูงเจริญพันธุ์ตั้งแต่อายุน้อย ซึ่งทำให้พวกมันสามารถออกลูกออกหลานได้เยอะและลูกๆ มีโอกาสรอดสูง ซึ่งพวกมันจะออกลูกครั้งล่ะ 50-100 ตัว

อันดับที่ 6 ไรแดง, โอพอซซัม และกิ้งก่าคามีเลี่ยน

    

     อายุขัยเฉลี่ย 1 ปี ไรแดง, โอพอซซัม และกิ้งก่าคามีเลียน อาจจะเป็นสัตว์ที่ต่างกันสุดขั้ว แต่พวกมันมีอายุขัยที่เท่ากันคือ 1 ปีเท่านั้น มาเริ่มที่ไรแดงกันก่อน ถ้าใครเลี้ยงปลาก็คงจะรู้จักเจ้าตัวนี้เป็นแน่ เพราะไรแดงเป็นสัตว์น้ำเค็มตัวกระจิ๋วที่เป็นอาหารของปลา เจ้าสัตว์ที่น่าสงสารนี้เป็นญาติกับปูและลอสเตอร์ ด้วยเหตุที่ไรแดงตัวกระเปี๊ยก มันจึงอยู่อันดับล่างๆ ของห่วงโซ่อาหารและมีอายุสั้น ด้วยสาเหตุจากที่มันมีอายุสั้น มันจึงได้พัฒนาการออกลูกที่รวดเร็วเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ตัวเองเอาไว้ กิ่งก่าคามิเลี่ยน จากการศึกษาในปัจจุบัน เจ้ากิ้งก่าเปลี่ยนสีได้จะเติมโตอย่างรวดเร็วและผสมพันธุ์ในเดือนถัดๆ มา เช่น พวกมันเกิดเมื่อเดือนพฤศจิกายน และจะผสมพันธุ์ในเดือน มกราคม-กุมภาพันธ์ เพราะฉะนั้นเจ้ากิ่งก่าคามิเลี่ยนนี้จะไม่มีวันได้พบหน้าพ่อแม่ตอนเกิดมาเลย เพราะรุ่นพ่อแม่ของมันจะตายหมดก่อนที่รุ่นลูกจะได้เกิดมาเสียอีก ไอพอซซัมอเมริกา เป็นสัตว์พื้นเมืองของอเมริกาตามชื่อของมัน พวกมันเป็นสัตว์ตัวเล็กที่มีขนาดเท่าแมว ซึ่งมีหน้าขาว หางที่เหมือนหนู ซึ่งช่วยให้มันโหนตัวลงมาจากต้นไม้ได้ และมีขนสีเทา นอกจากนี้ โอพอซซัมอเมริกามีอายุขัยอยู่ที่ประมาณ 4 ปี แต่พวกมันจะตายในปีแรกๆ ทำให้อายุขัยโดยรวมนั้นเท่ากับ 1 ปี โอพอสซั่มอเมริกานั้นเป็นสัตว์ที่หน้าแปลก นิสัยแปลก แล้วยังอายุสั้นที่สุดในโลกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม

อันดับที่ 5 แมลงปอ

     อายุขัย 4 เดือน แมลงปอมีรูปร่างเหมือนเฮลิคอปเตอร์ย่อส่วน ซึ่งพวกเรามักจะเห็นมันบินฉวัดเฉวียนไปมาแถวบ่อน้ำในหน้าร้อน ซึ่งพวกมันใช้เวลาที่มีอยู่สั้นๆ บนโลกหมดไปกับการหาอาหารและผสมพันธุ์ ถึงแม้ว่าแมลงปออาจจะอยู่ในคราบของตัวอ่อนถึง 5 ปี เพื่อรอเวลาเหมาะที่จะโตเต็มที่ แต่เวลาที่มันใช้บนโลกเมื่อโตเต็มที่นั้นจะยาวนานแค่ 4 เดือนเท่านั้น เพราะฉะนั้นครั้งต่อไปที่คุณเห็นแมลงปอก็อย่าไปจับมันมามัดเชือกแล้วปล่อยไปให้บินรอบๆ ล่ะ เพราะเจ้าสัตว์พวกนี้ใช้เวลานานกว่าจะโตได้ และเมื่อโตแล้วพวกมันก็มีเวลาไม่นานที่จะได้ชมความสวยงามของโลกใบนี้มากนัก

อันดับที่ 4 แมลงวันและผึ้งงาน

     อายุขัย 4 อาทิตย์ แมลงวันและผึ้งงานเข้ามาที่ 4 ด้วยอายุขัยนานเท่ากันก็คือ 4-5 สัปดาห์ ถึงแม้ว่าเจ้าสัตว์พวกนี้จะอายุสั้น แต่พวกมันก็ทำงานหนักไม่เบาตลอดช่วงอายุของมัน แมลงวันนั้นจะฟักเป็นตัวและกลายเป็นหนอนในเวลา 24 ชั่วโมงเท่านั้น จากนั้นมันก็จะกลายเป็นแมลงวันโตเต็มตัวในไม่กี่วันต่อมา ซึ่งหลังจากนั้นมันก็จะเริ่มหาอาหารและผสมพันธุ์ ในขณะที่วิถีชีวิตของแมลงวันนั้นดูจะไม่ถูกต้อนรับจากมนุษย์อย่างพวกเรา ส่วนผึ้งงานที่น่าสงสารที่ทั้งหมดส่วนใหญ่จะเป็นตัวเมีย และใช้ชีวิตของมันทำงานดังเช่นชื่อของมัน อีกทั้งผึ้งงานยังต้องปกป้องรังของมันด้วยการต่อยผู้ที่เข้ามารุกราน ซึ่งการต่อยนี้ก็เหมือนกับการตัดอายุขัยของมัน เพราะเมื่อผึ้งต่อย เหล็กในก็จะลากเอาเครื่องในของมันออกมาด้วย ทำให้มันมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน นี่อาจจะเป็นที่มาของผึ้งนักฆ่าที่อาจจะต้องการประท้วงในความไม่ยุติธรรมของชีวิตก็เป็นได้

อันดับที่ 3 มดตัวผู้

     อายุขัย 3 สัปดาห์ มดตัวผู้นั้นจะมีชีวิตที่สะดวกสบายไม่เหมือนกับตัวเมีย เพราะตั้งแต่เกิดมาหน้าที่ของมดตัวผู้นั้นก็คือ ‘กินและสืบพันธุ์’ ซึ่งเวลาเกิดของมดตัวผู้นั้นจะเป็นช่วงเดียวกับมดตัวเมีย เมื่อฤดูผสมพันธุ์มาถึง มดตัวผู้จะงอกปีกเพื่อบินไปผสมพันธุ์กับตัวเมียระหว่างทาง และเมื่อผสมพันธุ์เสร็จ หน้าที่ของตัวเมียก็คือไปหารังและเริ่มอาณาจักรของมันเอง แต่สำหรับตัวผู้แล้ว เมื่อเสร็จการผสมพันธุ์ หน้าที่ของมันก็จะจบลง ซึ่งก็หมายถึงความตายในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากเกิด ดูเหมือนว่าข้อแลกเปลี่ยนของความหรูหราสะดวกสบายในชีวิตของมดตัวผู้นั้นก็คืออายุขัยสั้นนี่เอง

อันดับที่ 2 Gastrotrichs

     อายุขัย 3 วัน Gastrotrichs ”แก็สโทรทริชส์” มีรากศัพท์มาจากภาษากรีซที่มีความหมาย 2 คำ คือ ”Gaster” แปลว่า ”กระเพาะ” และคำว่า ”Thrix” แปลว่า ”ผม” ซึ่งมาจากลักษณะของร่างกายของมันมีลักษณะที่คล้ายเส้นผมที่มีกระเพาะ มันเป็นสัตว์น้ำตัวเล็กจิ๋วที่มองเห็นได้โดยกล้องจุลทรรศ์ ซึ่งพวกมันเป็นสัตว์ขนาดเล็ก มีความยาวเพียง 0.06 – 3 มิลลิเมตร สามารถพบได้ทั้งในน้ำจืดและน้ำทะเล ถึงแม้ว่าพวกมันมีหลายสายพันธุ์ แต่ทั้งหมดมีอายุขัยสั้นเหมือนกันหมด โดยวิถีชีวิตของ Gastrotrichs นั้นก็ง่ายๆ ลอยไปมาในน้ำ ขึ้นสู่ผิวน้ำบางครั้งก่อนที่จะกลับลงมากับกระแสน้ำ กิน และทำโน่นนี่นั่นนิดหน่อยเท่านั้นเอง แต่ Gastrotrichs ก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนของชีวิตสุดเรียบง่ายด้วยอายุขัยที่สั้นเพียง 3 วันเท่านั้น

อันดับที่ 1 Mayflies (แมงชีปะขาว)

     อายุขัยประมาณ1-24 ชม. ”วันชีปะขาว” หรือ ”ชีผะขาว” ก็เรียก ”ชีผ้าขาว” ก็เรียก หรือ ”เมย์ฟลายส์” (mayflies) ชื่อวิทยาศาสตร์ ”เอพฮีมีรอบเทอรา” (Ephemeroptera) ตัวขนาดเล็กถึงกลาง ปีกบางมีเส้นมากมาย ปีกคู่แรกใหญ่กว่าคู่หลัง ตัวเมียวางไข่ในน้ำ ตัวอ่อนรูปร่างเรียวยาวอาศัยในน้ำนาน 1-2 ปี ลอกคราบหลายครั้งจนเป็นแมลงโตเต็มวัย มีปีก ชอบเล่นไฟ มันมีอายุเพียง 1-2 วันเท่านั้น ไม่กินอาหาร ผสมพันธุ์แล้วตาย

     ทุกชีวิตต่างมีค่า เวลาทุกวินาทีมีล้วนมีความหมาย สัตว์ทุกตัวต่างเกิดมาเพื่อทำหน้าที่ของมันแล้วก็ตาย แม้จะเป็นเวลาสั้นๆ แต่มันก็ได้เกิดมา ฉนั้นมนุษย์สามารถมีชีวิตอยู่ได้เป็นร้อยปี เคยถามตัวเองไม๊ว่า วันนี้ทำอะไรไปบ้าง? ทำดีที่สุดแล้วหรือยัง? ใช้เวลาที่มีคุ้มไม๊? เวลาไม่เคยรอใคร เมื่อมันผ่านไปแล้ว มันจะไม่กลับมาอีก จงใช้เวลาของท่านทุกขณะอย่างดีที่สุดนะคะ

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: http://www.dek-d.com/board/view.php?id=2364778

10 อันดับคนไทยที่คนตาม Twitter มากสุด “นิชคุณ” ครองแชมป์

           เผย 10 อันดับ ผู้ใช้ Twitter ชาวไทยที่มีผู้ติดตามมากที่สุด พบ “นิชคุณ” ครองแชมป์เหนียวแน่น ยอดผู้ติดตามทะลุล้าน 

.

           ในนาทีนี้คงจะมีน้อยคนที่ไม่รู้จักกับสื่อสังคมออนไลน์ยอดฮิตอย่าง “Twitter” ที่สร้างความสะดวกรวดเร็วในการเผยแพร่และกระจายข่าวสารจากข้อความสั้นๆ กระชับใจความ ทำให้มีคนไทยมากมายที่ใช้ Twitter เพื่อเป็นทั้งแหล่งสนทนา เผยแพร่ข้อมูล รวมถึงการติดตามข่าวสารจากเหล่าคนดังต่างๆ ที่เราชื่นชอบและอยากเกาะติดทุกความเคลื่อนไหวของพวกเขาชนิดไม่ให้คลาดสายตา 

           แต่หลายคนคงสงสัยว่า คนดังคนไหนกันนะที่จะมีผู้ติดตามมากที่สุด ในวันนี้ (22 มีนาคม) เว็บไซต์โซเชียลแรงก์ จึงได้ทำการจัดอันดับผู้ใช้ Twitter ชาวไทย ที่มีผู้ติดตามมากที่สุดในขณะนี้มาให้เราได้ชมกัน โดยพบว่า แชมป์เก่าอย่าง “นิชคุณ หรเวชกุล” (@Khunnie0624) นักร้องสัญชาติไทยแห่งวง 2PM ของเกาหลีใต้ ก็ยังคงรักษาตำแหน่งแชมป์ไว้อย่างเหนียวแน่น ด้วยยอดผู้ติดตามถึง 1,654,309 คน ทิ้งห่าง “วู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา” (@Woodytalk) พิธีกรชื่อดังที่มีผู้ติดตาม 951,051 คนไปอย่างไม่เห็นฝุ่น 

.

10 อันดับผู้ใช้ Twitter ชาวไทย ที่มีผู้ติดตามมากที่สุด

.

   

 

 

  1. นิชคุณ หรเวชกุล (@Khunnie0624) ผู้ติดตาม 1,654,309
   

 

  2. วู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา (@Woodytalk) ผู้ติดตาม 951,051
    

  3. โดม ปกรณ์ ลัม (@Domepakornlam) ผู้ติดตาม 790,064

    

  4. (@vajiramedhi) ผู้ติดตาม 746,684

 

 5. ตุ๊กกี้ ชิงร้อยชิงล้าน (@Tukky_ching100) ผู้ติดตาม 742,625

.

 .
    

  6. โอปอล์ ปาณิสรา พิมพ์ปรุ (@chocoopal) ผู้ติดตาม 718,633

    

 .

.

 7. กาละแมร์ พัชรศรี เบญจมาศ (@kalamare) ผู้ติดตาม 700,043

  

  

 

  8. วีเจ วุ้นเส้น วิริฒิพา แย้มนาม (@vjwoonsen) ผู้ติดตาม 682,005

.

.
    

  9. เต๋อ ฉันทวิชช์ ธนะเสวี (@terchantwist) ผู้ติดตาม 606,243

 

 .

   

    10. ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต (@ChompooAraya) ผู้ติดตาม 601,820

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: http://men.kapook.com

ไข่ปลาคาเวียร์ไม่มีในโลก

          “ไข่ปลาคาเวียร์” เมนูอาหารสุดหรูของมหาเศรษฐี หากเมนูอาหารจานใดมีไข่ปลาคาเวียร์เป็นส่วนผสมรับรองราคาอย่างต่ำก็หลายพันบาท ประชาชนฐานะธรรมดาคงไม่มีโอกาสได้รับประทานกันสักเท่าไหร่ หลายๆคนอาจยังไม่ทราบว่า จริงๆแล้ว ไข่ปลาคาเวียร์ไม่มีอยู่ในโลก แต่ไข่ปลาที่เราเรียกว่า “ไข่ปลาคาเวียร์” มาจากปลาหลากหลายประเภทด้วยกัน โดยส่วนมากมาจากไข่ปลาสเตอร์เจียน ส่วนที่เราเรียกว่าคาเวียร์นั้น มาจากภาษาเปอร์เซีย (Khag-avar) แปลว่า ไข่ปลาที่ปรุงรสแล้ว หมายถึงไข่ปลาที่ทำให้สุกและปรุงรสเรียบร้อยแล้วพร้อมรับประทาน

          ปลาสเตอร์เจียนอาศัยอยู่ในแถบทะเลแคสเบียนเท่านั้น ซึ่งมีชายฝั่งติดต่อกับ 5 ประเทศด้วยกัน ได้แก่ อิหร่าน รัชเซีย คาซัคสถาน สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน และเติร์กเมนิสถาน ไข่ปลาคาเวียร กว่าร้อยละ 80 ล้วนส่งออกมาจากประเทศในแถบนี้เท่านั้นที่เหลืออีกประมาณ 20 % เป็นปลาที่จับได้จากทะเลดำ แถบชายฝั่งทะเลของบัลแกเรีย โรมาเนีย จีน แคนาดาและสหรัฐอเมริกา

          ไข่ปลาคาเวียร์ที่มีราคาสูงที่สุดคือ ไข่ปลาสีเหลืองทอง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาหารของบุคคลชั้นสูงหรือกษัตริย์เท่านั้น ไข่ปลาคาเวียร์โดยทั่วไปจะมีสีคล้ำไปถึงสีดำและพันธุ์ที่นิยมบริโภคมากที่สุด ราคาสูงถึงกิโลกรัมละหนึ่งพันยูโร หรือประมาณสี่แสนบาท

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: iKnowledge จาก Msolution

Tags: ไข่ปลาคาเวียร์, ไข่ปลาสเตอร์เจียน

ใครเป็นผู้คิดใช้ใบเหลือง-ใบแดง

เคน แอสตัน (ken aston)

          ใบเหลือง-ใบแดงที่ใช้ในเกมกีฬาการแข่งขันฟุตบอลนั้น ไม่น่าเชื่อว่าผู้คิดนำมาใช้เป็นคนแรกจะมีไอเดียมาจากสัญญาณไฟจราจรที่ตั้งอยู่ตามสี่แยก

           “เคน แอสตัน” กรรมการสนามผู้โด่งดังแห่งวงการฟุตบอล มีฉายาเป็นที่รู้จักกันไปทั่วว่า “สิงห์เชิ้ตดำ” คือผู้คิดริเริ่มนำใบเหลือง-ใบแดงมาใช้ในการแข่งขันฟุตบอลคนแรก แอสตันได้กล่าวไว้ว่า วันหนึ่งขณะที่รถของเขากำลังติดไฟแดงอยู่นั้น เขามีความคิดขึ้นว่าน่าจะมีการนำสัญลักษณ์สีแดงสีเหลืองจากสัญญาณไฟจราจรนี้มาใช้ในการแข่งขันฟุตบอลบ้าง โดยให้สีเหลืองแทนการเตือนนักเตะที่ทำผิดกติการะหว่างแข่งขัน และให้สีแดงเป็นการไล่ออกจากสนาม เมื่อผู้แข่งขันทำผิดกฏกติกาขั้นรุนแรง

           ซึ่งสัญลักษณ์สากลนี้ได้ถูกนำไปใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 1970 เป็นครั้งแรก ได้รับการยอมรับและเป็นที่รู้จักจนกระทั้งถูกบรรจุไว้ในกฏกติกาสากลของการแข่งขันฟุตบอลที่มีใช้มาถึงปัจจุบัน

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: iKnowledge จาก Msolution