เรามักเห็นการใช้หอยสังข์ในงานพิธีมงคลต่างๆ เช่น พระราชพิธีราชาภิเษก ตอนที่พระมหาราชครูผู้เป็นประทานคณะพราหมณ์ได้ถวายน้ำมหาสังข์แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และในงานพิธีมงคลต่างๆ ซึ่งจัดขึ้นในบ้านเรือนของประชาชนชาวไทยเรา เช่น งานมงคลสมรส เป็นต้น เรามักจะได้พบเห็นหอยสังข์ซึ่งใช้เป็นที่รดน้ำแก่คู่บ่าวสาว เพื่อจะให้อยู่เย็นเป็นสุข
สาเหตุที่ใช้หอยสังข์ในงานพิธีมงคลต่างๆ เนื่องจากศาสนาพราหมณ์เชื่อว่าสังข์เป็นของศักดิ์สิทธิ์ มีสีขาว อีกทั้งเปลือกของหอยเวียนขวา เมื่อเทน้ำออกมา น้ำก็จะไหลเวียนขวาอันเป็นทิศที่เป็นมงคล
แต่ก็มีความเชื่ออีกด้านหนึ่งว่ามาจากเรื่องเล่าปรัมปราว่า มียักษ์สังข์อสูรตนหนึ่ง ได้ขโมยและกลืนเอาพระเวทของพระพรหมเข้าไป แต่พระนารายณ์เป็นผู้ล้วงเอาพระเวททั้งหมดคืนมาทางปาก และสาปให้ยักษ์สังข์อสูรตนนั้นมีรูปร่างเป็นหอยสังข์ และจะต้องอยู่ในน้ำตลอดไป จนถึงเวลาที่มนุษย์จัดงานมงคล จึงจะจับหอยสังข์ขึ้นมาและให้ร่วมอยู่ในพิธีด้วย ดังนั้นการประกอบพิธีมงคลใดๆ หอยสังข์จึงกลายเป็นส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้ เพราะหอยสังข์เคยเป็นที่บรรจุพระเวทต่างๆ ครบทุกพระเวทไว้ จึงเชื่อกันว่าสิ่งที่ออกมาจากหอยสังข์ทุกอย่างล้วนเป็นมงคล ไม่ว่าเป็นการรดน้ำสังข์ของคู่บ่าวสาว เพื่อให้เกิดเสียงที่นำมาซึ่งความเป็นสิริมงคลนั่นเอง
นอกจากนี้ พระนารายณ์ซึ่งเป็นเทพเจ้าของศาสนาพราหมณ์ ในแต่ละกรยังถือ คทา จักร สังข์ และดอกบัว ซึ่งคนไทยเราก็รับธรรมเนียมดังกล่าวมาจากศาสนาพราหมณ์ คนไทยมักใช้หอยสังข์ในงานพิธีต่างๆ โดยเฉพาะในพิธีมงคลสมรสที่ใช้หอยสังข์ในการรดน้ำให้กับบ่าวสาว เพราะเชื่อกันว่าหอยสังข์จะช่วยเสริมความเป็นสิริมงคลและนำความเจริญมาสู่บ่าวสาว นอกจากนี้ในการวางศิลาฤกษ์ต่างๆ ยังมีการเป่าสังข์ให้ได้ยินเสียง เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก :: iKnowledge จาก Msolution